การบัญชี 3/6 กลุ่มเรียน วันจันทร์
Chapter 1
ความรู้เบื้องต้น เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าคอมพิวเตอร์ได้เข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันอย่างมากมาย โดยเฉพาะในเรื่องการนำเอาคอมพิวเตอร์เข้าไปประยุกต์ใช้งานทางด้านต่างๆ เช่น การสำรองที่นั่งของสายการบิน การประมวลผลข้อมูลการเลือกตั้ง การฝากถอนเงินผ่านระบบเอทีเอ็ม หรือแม้กระทั่งการนำเอาคอมพิวเตอร์ไปใช้กับรบบการตรวจสอบผลการเรียนผ่านเครือข่าย เป็นต้น
ลักษณะเด่นของคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน จะมีคุณสมบัติที่เป็นพื้นฐาน ซึ่งพอจะแบ่งออกได้ดังนี้
1. การเป็นอัตโนมัติ(self acting) คอมพวเตอร์ประดิษฐ์ขึ้นด้วยอุปกณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ มีการจักเก็ฐหรือแปลงข้อมูลให้ อยู่ในรูปแบบของสัญญาณไฟฟ้าเพื่อให้คอมพิวเตอร์เข้าใจ
2.ความเร็ว(speed) คอมพิวเตอร์จะประมวลผลงานด้วยความเร็วสูง ต่างจากการประมวลผลงานในอดีตที่อาศัยแรงงานของมนุษย์ซึ๋งให้ผลลัพธ์ที่ช้ากว่ามากช่วยให้ผู้บริหารนำเอาไปใช้ในการตัดสินใจหรือดำเนินงานได้อย่างรวดเร็ว
3ความถูกต้อง แม่นยำ(accuracy คอมพิเตอร์จะให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง แม่นยำและมีความผิดพลาดน้อยที่สุดการใช้แรงงานคนเพื่อประมวลผลเป็นเวลานาน อาจเกิดการผิดพลาดได้ เนื่องมาจากความอ่อนล้า เฃ่น ลงรายการผิด หรือบันทึกข้อมูลผิดประเภทตรงกันข้ามกับคอมพิเตอร์ที่สมารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องและซ้ำๆแบบเดิมได้อย่างดี
4. ความน่าเชื่อถือ(reliability) ข้อมูลที่ได้จากการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ จะมีความน่าเชื่อถือและสามารถนำไปใช้ประโยชน์อื่นๆต่อไปได้โดยเฉพาะในปัจจุบันมีฮาร์ดแวร์ที่ผลิตขึ้นด้วยอุปกรณอิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่
5. การจัดเก็บข้อมูล(storge capability) คอมพิวเตอร์สามารถจัดเก็บข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบทั้งข้อมูลที่เป็นข้อความธรรมดาหลายๆล้านตัวอักษร เพลง ภาพถ่าย วิดีโอหรือไฟล์ข้อมูลใหญ๋จำนวนมาก
6. ทำงานซ้ำๆได้(repeatability) คอมพิวเตอร์สามารถทำงานซ้ำๆกันได้หลายรอบ ช่วยลดปัญหาเรื่องความอ่อนล้าจากการทำงานของแรงงานคน นอกจากนั้นยังลดความผิดพลาดต่างๆได้ดีกว่าด้วยข้อมูลที่ประมวลผลแม้จะยุ่งยากหรือซับซ้อนเพีบงใดก็ตาม
7. การติดต่อสื่อสาร(communication) คอมพิวเตอร์ในปัจจุบันสามารถเชื่อมโยงเข้าหากันเป็นเครือข่ายมากยื่งขึ้น แต่เดิมอาจเป็นแค่เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลธรรมดา แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวไปมากเราสามารถเชื่อต่อคอมพิวเตอร์หลายๆเครื่องเข้าหากันเป็นเครือข่ายได้
วิวัฒนาการก่อนจะมาเป็นคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์นั้นมีวิวัฒนาการที่รวดเร็วมาก ตั้งแต่ยุคสมัยดึกดำบรรพ์เป็นต้นมา มนุษย์มีความพยายามที่จะคิดค้นเครื่องไม้เครื่งมือต่างๆ เพื่อนำมาช่วยในการนับและคำนาณ เริ่มตั้งแต่การใช้นิ้วมือเพื่อช่วยในการนับตัวเลขหนึ่งถึงสิบ แต่เมื่อค่าตัวเลขมีเพิ่มมากขึ้นก็ทำให้อย่างจำกัด มนุษย์จึงพยายามหาสิ่งใกล้ตัวมาช่วยนับเพิ่ม เช่น ก้อนกรวด หิน หรือ แท่งไม้ จากนั้นจึงได้พัฒนาและคิดค้นวิธีที่จะทำให้การนับต่างๆนี้ง่ายขึ้นกว่าเดิมกลายเป็นกลไกที่ใช้คำนวณ จนวิวัฒนาการมาเป็นคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน ซึ่งอาจสรุปเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นโดยแบ่งออกเป็น 4 ยุคด้วยกันคือ
1. ยุคก่อนเครื่องกล (premechanical)
2. ยุคเครื่องจักรกล (mechanical)
3. ยุคเครื่องจักรกลระบบอิเล็กทรอนิกส์(electronic)
4.ยุคเครืองอิเล็กทรอนิกส์(electronic)
เครื่องกลยุคก่อน
เมื่อวิวัฒนาการทางสังคมของมนุษย์มีความเจริญมากขึ้นการใช้นิ้วมือหรือก้อนหินมาช่วยนับนั้นมีข้อกำกัดอยู่เช่นกัน เนื่องจากไม่สามารถนับหรือคำนวณหาค่าตัวเลขที่มากๆได้ มนุษย์ได้พยายามคิดค้นเครื่องมือช่วยนับที่ดีกว่าเดิมโดยการสร้างระบบตัวเลขขึ้นมา ซึ่งจะยกตัวอย่างเครื่องมือในยุคนี้ ได้แก่ แผ่นหินอ่อนซาลามิส ลูกคิด แท่งคำนวณของเนเปียร์ เป้นต้น
ยุคเครื่องจักรกล
เมื่อมนุษย์มีวิวัฒนาการการผลิตเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆที่ดีขึ้น จึงก่อให้เกิดแนวคิดการสร้างเครื่องจักร กลโดยอาศัยการทำงานของฟันเฟืองเข้าเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการคำนวณที่ยุ่งยากและซับซ้อนมากๆ ซึ่งขอยกตัวอย่างเครื่องที่อยู่ในยุคสมัยเครื่องจักรกลได้ดังนี้ นาฬิกาคำนวณ เครื่องคำนวณของปาสคาล เครื่องคำนวณของไลบ์นิช เครื่องทอผ้าของแจคการ์ด
เครื่องมือของ
ยุคเครื่องจักรกลระบบอิเล็กทรอนิกส์
ในยุคนี้ตัวเครื่องจะใช้เครื่องจักรกลปนกับระบบกระแสไฟฟ้าในการทำงาน มีการประมวณผลโดยอาศัยวงจรที่ประกอบด้วยหลอดสูญญากาศแต่ก้อทำให้เปรืองต้นทุนในการบำรุงรักษามากพอสมควร คอมพิวเตอร์ในยุคนี้แรกๆได้มีการนำเอาไปใช้ในการทำงานของภาครัฐและรวมถึงภารกิจทางด้านการทหารนอกจากนั้นก็จะอยู่ในแวดวงของการศึกษาในระดับสูง ตัวอย่างของเครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคนี้ มีดังนี้ เครื่อง Tabulating Machine เคื่อง ABC (Atanasoff-Berry-Computer) เครื่อง Colossus
ยุคคอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์
คอมพิเตอร์ในยุคนี้ได้มีการประดิษฐ์ให้สามารถคำนวณและหาผลลัพธ์ต่างๆได้รวดเวมากยิ่งขึ้น มีการนำเอาไปใช้ประโยชน์อย่างมากมายทั้งในแวดวงการทหารและการศึกษาระดับสูงทั่วไป จากนั้นจึงได้พัฒนาเข้าสู่การใช้งานในเชิงพาณิชย์ ตัวอย่างของเครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคนี้ได้แก่ เครื่อง ENIAC เครื่อง EDSAC เครื่อง EDVAC
เครื่องคอมพิวเตอร์ยุคแผงวงจรรวม (IC)
เครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคต่อมาได้รับการพัฒนาให้มีขีดความสามารถที่ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่การผลิตเครื่องโดยใช้ทรานซิสเตอร์แยกเป็นตัวๆทำให้ต้นทุนการผลิตสูงมากขึ้น โดยตัเครื่องมีขนาดเล็กลงหรือที่นิยมเรียกว่า มินิคอมพิวเตอร์(minicomputer)
เครื่องคอมพิวเตอร์ยุคเครือข่าย (Network)
การใช้งานไมโรคอมพิวเตอร์ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยด้วย มีการออกแบบและพัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์ให้มีขนาดเล็กลงพร้อมๆกับประสิทธิภาพในการใช้งานที่มุ่งเน้นให้เกิดการเชื่อมต่อเป็นเครือข่ายมากยิ่งขึ้นบริษัทหรือองศ์กรธุรกิจได้นำเอาไมรโครคอมพิวเตอร์หลายๆตัวมาเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันในบริเวณใกล้หรือในในสำนังานเดียวกัน เรียกว่า เครือข่ายเฉพาะที่ หรือ LAN (Locai network)
ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์
เมื่อเรานึกถึงคอมพิวเตอร์มักถึงเครื่องพีซี (PC : Perscnal computer) กันเป็นเสียงส่วนใหญ่ แต่เดิมเครื่องพีซีอาจมุ่งเน้นให้ใช้เฉพาะส่วนบุคคลและนิยมใช้อยู่ในบ้านหรือที่พักอาศัยเพียงเท่านั้น แต่ปัจจุบันเนื่องด้วยการขยายตัวของเครือข่ายดังที่กล่าวไว้แล้ว เราจึงสามารถนำเอาคอมพิวเตอร์มาเชื่อมต่อกันเพื่อผู้ที่อย฿ห่างไกลสามารถเข้ามาใช้หรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเราได้โดยง่าย เช่น ผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต คอมพิวเตอร์จึงไม่ได้ใช้งานแบบส่วนบุคคลอีกต่อไปและนับวันก็ได้ความนิยมแพร่หลายมากยิ่งขึ้นห้างร้านหรือบริษัทเองก็มีการเอามาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานอย่างมากมาย เช่น ควบคุมและตรวจสอบสินค้าคงคลัง
ระบบคอมพิวเตอร์หรือระบบงานมทำงานแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้เข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของเราแล้วอย่างไม่ต้องสังเกตได้จากศัพท์ที่ไม่มีคำนำหน้าโดยใช้อักษรย่อ E (electronic) มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่น E-Banking E-service E-Learning สิ่งต่างๆเหล่านี้ย่อมอธิบายได้ว่า คอมพิวเตอร์มีบทบาทและความสำคัญเพียงไรกับชีวิตประจำวันของเรา
คอมพิวเตอร์กับการใช้งานภาครัฐ
ตัวอย่างที่เห็นได้จัดเจนมาที่สุด คือการนำเอาคอมพิวเตอร์เข้าไปประยุกต์ใช้กับงานทะเบียนราษฎร์ของภาครัฐบาล เช่น แจ้งเกิด ตาย ย้ายที่อยู่ เปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนตัวอื่นๆหรือทำบัตรประชาชนอเนกประสงค์หรือสมาร์ทการ์ดเป็นอีกตัวย่างหนึ่งของการริเริ่มโครงการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์หรือ E-government ตั้งแต่ปี พ.ศ 2544 โดยนำเอาคอมพิวเตอร์เพื่อมาใช้ปรับปรุงและปฎิรูประบบราชกาลไทยให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นกว่เดิม
คอมพิวเตอร์กับการใช้งานทางด้านธุรกิจทั่วไป
ธุรกิจในปัจจุบันหลายๆแห่งมักจะมีการนำเอาคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้งานเพื่อประโยชน์ในแง่ของการประมวลผลที่รวดเร็ว ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าผู้รับบริการได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงช่วยประสิทธิภาพในการทำงานด้วยมือแบบเดิมๆ เช่น การนำเอาระบบโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปมาใช้ในงานด้ารบัญชีเพื่อทำรายการซื้อ ขายสินค้า การเช็คยอดคงเหลือของสินค้า รวมถึงการตรวจสอบรายการลงบัญชี หรือแม้กระทั่งการที่เกี่ยวข้องกับการจัดการในสำนักงานทั่วไป เช่น งานเรียบเรียงเอกสาร งานประมวล (Word processing) งานนำเสนอ (prerentation)
คอมพิวเตอร์กับงานทางด้านการศึกษา
ปัจจุบันสถาบันการศึกษาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการอบรมได้เน้นความสำคัญกับการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในด้านการสอน หรือที่เรียกกันว่า E-Education เพื่อสร้างบทเรียนออนไลน์ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตให้กับผู้เรียนที่อยู่ห่างไกลหรือไม่สะดวกในการเข้าเรียนสามารถศึกษา ผู้เรียนสามารถทำความเข้าใจกับบทเรียนและสามารถโต้ตอบการเรียนการสอนได้ได้ตนเอง
คอมพิวเตอร์กับงานทางด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์
มีการนำคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้งานทางด้านการแพทย์และสารณสุขอย่างแพร่หลาย เครื่องมือและอุปกรณ์สมัยใหม่ถูกนำเข้ามาทำงานร่วมกันกับคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยวินิจฉัยโรคและตรวจสอบอาการของคนไข้ได้เป็นอย่างดี เข่น เครื่องตัววัดคลื่นสมอง เครื่องเอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ที่สร้างภาพสามมิติของอวัยวะภายใน ซึ่งช่วยทำให้การรักษาของแพทย์เป็นไปได้ง่ายและแม่นยำมากยิ่งขึ้น
สำหรับวิทยาศาสตร์อื่นๆ ได้มีการนำเอาคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยวิเคราะห์และตรวจสอบข้อมูลต่างๆให้มีความแม่นยำและถูกต้องน่าเชื่อถือ ช่วยในเรื่องของการทดสอบและวิจัยทางวิทยาศาสตร์ คำนวณและจำลองแบบเพื่อสร้างผลงานทางวิทยาศาสตร์ใหม่ๆหลายๆด้าน ทั้งฟิสิกส์ นิวเครียร์ เคมี ชีววิทยาโมเลกุลการจำลองกลไกการทำงานของระดับโมเลกุลของยาใหม่ๆ โลหะวิทยาและวัสดุศาสตร์ การสำรวจและขุดเจาะทรัพยากรธรณี รวมถึงการสำรวจอวกาศขององศ์การนาซ่า เป้นต้น
ประเภทของคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์มีลักษณะ ขนาด และราคาที่แตกต่างกันไปตามลักษณะงานที่ใช้ หากงานประมวลผลนันไม่ได้ซับซ้อนหรือยุ่งยากมากนัก อีกงานใช้งานอยู่ในวงแคบเช่น ที่บ้านหรือสำนักงานขนาดเล็ก คุณอาจหาซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ราคาแพงมากหนักมาใช้งาน แต่บางหน่วยงาน เช่น องศ์กรขนาดใหญ่ซึ่งต้องใช้การประมวลผลซับซ้อนมาก และการใช้งานกระจางอยู่ในวงกว้าง คือมีสาขาหรือสำนักงานขนาดใหญ่กระจางอย่างทั่วไป
จำแนกตามลักษณะการใช้งาน
คอมพิวเตอร์ที่แบ่งตามกลุ่มการใช้งานนี้ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือ
1. แบบใช้งานทั่วไป
เป็นคอมพิวเตอร์ที่เราพบเห็นได้ในการทำงานทั่วไป เช่น ตามบ้านหรือสำนักงาน อาคาร ห้างร้าน บริษัททั่วไป ซึ่งเป็นการใช้หการโดยเอนกประสงค์ ผู้ใช้งานสามารถนำไปประยุกย์ใช้กับงานค่อยข้างหลากหลาย เช่น งานด้านสำนักงาน การลงรายการบัญชีด้วยคอมพิวเตอร์ พิมพ์รายงาน ฟังเพลง หรือ ดูหนังแบบส่วนตัวคอมพิวเตอร์กลุ่มนี้เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย มักมีราคาถูกซื้อได้ทั้วไป
2. แบบใช้งานเฉพาะ
เป็นคอมพิวเตอร์กลุ่มที่ใช้งานแบบเฉพาะอย่างหรือเป็นกรณ๊ไป ไม่สามารถนำไปใช้กับงานอย่างอื่นได้ ความยึดหยุ่นในการใช้งานจึงมีน้อยกว่าแบบใช้งานทั่วไป โดยมากนักเป็นอุปกรณ์หรือเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ที่ทำงานทางด้านอุตสาหกรรมหรือโรงงานเป็นหลัก เช่น ระบบควบคุมอัตโนมัติในโรงงาน เครื่องจักรกลอัตโนมัติ หุ่นยนต์ขนถ่ายสินค้า เครื่องตรวจวัดสภาพอากาศ มักมีราคาแพงและใช้งานเฉพาะบริษัทหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
จำแนกตามขนาดและความสะดวก
เป็นการจำแนกประเภทของคอมพิวเตอร์ที่พบเห็นได้มากที่สุดในปัจจุบัน แบ่งออกได้ 5 ประเภทคือ
1. ซูเปอร์คอมพิวเตอร์
เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงที่สุด บางครั้งก็เรียกว่า เครื่องคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูงซึ่งส่วนใหญ่นำไปใช้กับการทำงานเฉพาะทางที่ต้องการความเร็วในการประมวลผลอย่างมาก
ตัวอย่างเครื่องคอมพิวเตอร์ยี่ห้อ Cray เป้นต้น
2. เมนเฟรมคอมพิวเตอร์
เป็นเครื่องมือที่มีสมรรถนะการทำงานสูงเช่นเดียวกันแต่ไม่ได้เน้นความเร็วในการคำนวณเป็นหลักอย่างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เครื่องเมนเฟรมส่วนใหญ่ผลิตมาจากบริษัทคอใพวเตอร์ชั้นนำเช่นไอบีเอ็ม บริษัทสาขาและเกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลในปริมาณมาก เช่น ธนาคารหรือธุรกิจสายการบิน เป็นต้น
3. มินิคอมพิวเตอร์
เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะรองลงมาจากเครื่องเมนเฟรม ส่วนใหญ่นำไปใช้กับบริษัทหรือหน่วยงานขนาดกลางสำหรับให้บริการแก่เครื่องลูกข่าย เพื่อให้บริการเครื่องมือต่างๆ เช่น ให้บริการแฟ้มข้อมูล เป้นต้น อย่างไรก็ตามมินิคอมพิเตอร์ในปัจจุบันจำแนกได้ไม่ชัดเจนนัก เพราะมีตั้งแต่รุ่นใหญ่ที่มีความเทียบเท่าเครื่องพีซี
4. ไมโครคอมพิวเตอร์
เป็นเคี่องมือคอมพิวเตอร์ที่มีนิยมใช้มากที่สุดเนื่องจากมีราคาถูกและหาซื้อมาใช้ได้ทั่วไป มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลปัจจุบันได้รับการพัฒนาขีดความสามารถให้สูงขึ้นมากมักพบเห็นในสำนักงานหรือบ้านที่พักอาศัยทั่วไป เครื่องคอมพิวเตอร์ประเภทนี้อาจรวมถึงคอมพิวเตอร์ประเภทเคลื่อนย้ายสะดวก เช่น โน๊ตบุ๊ค เน็ตบุ๊ค เดสก์โน๊ต และแท็บเล็ตพีซีด้วย
5. คอมพิวเตอร์มือถือ
เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กที่สุดเมื่อเทียบกับคอมพิวเตอร์ประเภทอื่นๆอีกทั้งสามารถพกพาไปยังที่ต่างๆได้ง่ายกว่า ประโยชน์ของการใช้คอมพิวเตอร์ประเภทนี้อาจนำไปใช้กับการจัดการข้อมูลประจำวัน การสร้างปฎิทินนัดหมาย การดูหนัง ฟังเพลงรวมถึงการรับอีเมล์ บางรุ่นสามารถเทียบเคียงได้กับไมโครคอมพิวเตอร์ทีเดียว คอมพิวเตอร์ในกลุ่มนี้ที่รู้จักและเป็นที่นิยมกันอย่างดี เช่น พีดีเอ ซึ่งปัจจุบันมีหลายมาตรฐาน และใช้ร่วมกันไม่ได้ เช่น Pocket PC ของไมโครซอฟท์ iphone ของบริษัท Apple และยังมีมาตรฐานอื่นๆอีกหลายแบบ
คอมพิวเตอร์ยุคใหม่
ปัจจุบันปริมาณผู้ใช้คอมพิวเตอร์มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆและคอมพิวเตอร์ถูกนำมาใช้กับงานที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น แต่ปัจจุบันได้พัฒนาให้สามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างทั่วถึง การออกแบบตัวเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ๆก็ได้มีการปรับปรุงขนาดให้เล็กลงและมีรูปลักษณ์ภายนอกสามารถเป็นเครื่องประดับหรือเฟอร์นิเจอร์ของห้องทำงานได้อีกด้วย รูปลักษณ์ของไมโครคอมพิวเตอร์ทั่วๆไปรวมถึงคอมพิวเตอร์มือถือที่เราอาจพพบเห็ฯหรือหามาใช้งานได้พอจะจำแนกออกเป็นหลายกลุ่มดังนี้
1.เดสก์ท็อป(Desktop) เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดตั้งโต๊ะที่ใช้ตามสำนักานหรือตามบ้านทั่วไป
2. โน๊ตบุ๊ค(Notebook) เป็นโน๊ตบุ๊คขนาดเล็กทีได้รับความนิยมมาก กินไฟน้อย และราคาไม่แพง
3. เดสก์โน๊ต(Desknote) ไม่มีแบตเตอรี่ที่คอยจ่ายไฟให้จึงต้องเสียบปลั๊กตลอดเวลาราคาถูกกว่าโน๊ตบุ๊ค
4.แท็บเล็ตพีซี(Tablet PC) ผู้ใช้สามารถป้อนข้อมูลเข้าไปได้โดยการเขียนบนจอภาพ
5. สมาร์ทโฟน(Smart Phome) มีความสามารถอื่นๆเข้าไปอีกมากมาย เช่น กล้องถ่ายรูป ดูหนัง ฟังเพลง
คอมพิวเตอร์ในอนาคต
แนวโน้มของการสร้างคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งานไม่ได้หยุดอยู่เพียงการผลิตให้มีขนาดที่เล็กลง มีราคาถูก และเน้นรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปเพียงเท่านั้น หากแต่ยังต้องพยายามคิดค้นและพัฒนาขีดควมสามารถให้ใกล้เคียงกับมนุษย์มากยิ่งขึ้น ได้เข้ามามีบทบาทในการสร้างปัญหาเทียมเลียนแบบการคิดหรือสมองของมนุษย์ ซึ่งในหลายๆด้านก็มีการประยุกต์เอาคอมพิวเตอร์เข้าไปใช้เพื่อคิดและตัดสินใจแก้ไขปัญหาต่างๆได้เป็นอย่างดี เช่น
ระบบผู้เชี่ยวชาญ(expert system) เป็นศาสคร์แขนงหนึ่งของปัญญาประดิษฐ์ที่นำเอาคอมพิวเตอร์เข้ามาประยุกต์ใช้งาน เพื่อเก็บรวบรวมความรู้ต่างๆที่จำเป็นต้องใช้สำหรับงานใดงานหนึ่งให้อยู่ตลอดไปในหน่วยงานโดยไม่ขึ้นกับบุคคลและเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ วินิจฉัยหรือตัดสินใจต่างๆได้อย่างแม่นยำ
ปัญหาและข้อจำกัดของการใช้งานคอมพิวเตอร์
การนำเอาคอมพิวเตอร์ไปประยุกต์ใช้ในงานต่างๆนั้น จะเห็นได้ว่าก่อให้เกิดประโยชน์มากมาย เช่น ช่วยให้การทำงานเร็วและสะดวกขึ้น คอมพิวเตอร์เป็นเพียงอุปกรณ์ที่มนุษย์สร้างขึ้นมาสำหรับแก้ไขปัญกาในรูปแบบต่างๆตามที่มนุษย์สอนหรือกำหนดไว้เท่านั้น
ระบบคอมพิวเตอร์ ถึงแม้จะมีความสามารถในเรื่องของการคิดและตัดสินใจได้แทนมนุษย์ แต่ก็เป็นแค่บางเรื่องหรือบางกรณีเท่านั้น ซึ่งไม่ใช้ทั้งหมดทีเดียว การประมวลผลบางอย่างของคอมพิวเตอร์อาจไม่ฉลาดเท่ากับการคิดและตัดสินใจของมนุษย์ได้เลย เพราะคอมพิวเตอร์จะทำงานตามที่ได้รับคำสั่งหรือตามข้อมูลที่ได้รับมาเท่านั้น
ปัญหาของผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่พบมากที่สุดก้อคือ ความรู้ไม่ทันเทคโนโลยี ที่มีการเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้งานจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องติดตามข่าวสารและปรับตัวให้ทันสมัย ตลอดเวลา ยกตัวอย่าง เช่น ใช้พิมพ์ข้อความหรือรายงานเอกสารธรรมดา ในยุคนั้นยังไม่มีใครคาดคิดว่ามีผู้ไม่ประสงค์ดีสร้างไวรัสเข้ามาก่อกวนระบบคอมพิวเตอร์ให้ความสามารถในการทำงานของมันด้อยลงไปได้
ปัญหาที่พบเห็นบ่อยอีกข้อหนึ่งในปัจจุบันคือ ปัญหาอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ซึ่งมักจะเกิดจากคนที่มีความรู้และความชำนาญทางคอมพิวเตอร์เป็นพิเศษ แต่กลับนำเอาความรู้นั้นไปใช้ในทางที่ผิดและสร้างความเสียหายแก่ผู้อื่นอย่างมาก เช่น การขโมยข้อมูลที่มีความสำคัญโดยใช้วิธีการที่แยบยลและนำเอาไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว
สรุป
คอมพิวเตอร์ได้เข้ามาช่วยเหลือการทำงานของมนุษย์อย่างมาก มีคุณสมบัติเด่นคือ ความเป็นอัตโนมัติทำงานด้วยความเร็ว มีความถูกต้องแม่นยำ น่าเชื่อถือ จัดเก็บข้อมูล ทำงานซ้ำๆกันและใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อติดต่อสื่อสารกันได้ เราสามารถนำเอาเครื่อวคอมพิวเตอร์ไปใช้ประโยชน์ในสายงานต่างๆได้มากมาย เช่น การใช้งานภาครัฐ ธุรกิจทั่วไป สายการบิน การศึษา ธุรกิจนำเข้าและส่งออก ธนาคาร วิทยาศาสตร์
แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 1
1.ลักษณะเด่นของคอมพิวเตอร์โดยทั่วไปประกอบด้วยอะไรบ้าง จงอธิบาย
ตอบ 1 ความเป็นอัตโนมัติ มีการจัดเก็บหรือแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบของสัญญาณไฟฟ้าเพื่อให้ คอมพิวเตอร์เข้าใจ
2 ความเร็ว ทำการประมวลผลงานด้วยความเร็ว ได้เพียงไม่กี่นาที
3 ความถูกต้องแม่นยำ คอมพิวเตอร์จะให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องและมีความผิดพลาดน้อยที่สุด
4 ความน่าเชื่อถือ ข้อมูลที่ได้จากการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ จะมีความน่าเชื่อถือในปัจจุบันจึงมีความผิดพลากต่ำมาก หรือแทบที่ไม่เกิดขึ้นเลย
5 การจัดเก็บข้อมูล เช่น การจัดเก็บภาพถ่าย เพลง วิดีโอ หรือไฟล์ข้อมูลขนาดใหญ่จำนวนมาก
6 ทำงานซ้ำๆได้ ช่วยลดปัญหาเรื่องความอ่อนล้าจากการทำงานของแรงงานคนลดความผิดพลาดได้ดีอีกด้วย
2. suan-pan เกี่ยวข้องกับประวัติของคอมพิวเตอร์อย่างไร อธิบาย 2 เครื่อง
ตอบ เป็นวิวัฒนาการก่อนจะเป็นคอมพิวเตอร์ในยุคก่อนเครื่องจักรกล เป็นเครื่องคำนวณที่ประเทศจีนได้คิดค้นขึ้นมาช่วยนับเพื่อให้ง่ายและเร็วยิ่งขึ้น เรียกว่า ลูกคิด แต่ชาวจีนจะเรียกว่า Suan-pan
3. แท่งคำนวณของเนเปียร์ (Nepier"s bome) สร้างขึ้นมาโดยใคร และมีหลักการทำงานอย่างไรบ้าง
ตอบ เป็นเครื่องคำนวณของจอห์น เนเปียร์ (John Napier)
หลักการทำงาน คือ เมื่อต้องการคูณตัวเลขใดๆก็จะเอาแท่งตัวเลขนั้นๆ มาว่างเรียกต่อกัน
4. ผู้ที่ได้ชื่อว่า "บิดาแห่งคอมพิวเตอร์" คือใตร และเหตูผลใดจึงได้รับความยกย่องเช้นนั้น
ตอบ ปิดาแห่งคอมพิวเตอร์คือ Chalrs Babbage เนื่องจากแนวคิดของเขาเป็นเสมือนต้นแบบของเครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคปัจจุบัน
5.เครื่องคอมพิวเตอร์แบบดิจิตอลเครื่องแรกของโลกคือเครื่องใดและจงอธิบายว่าสร้างขึ้นมาด้วยเหตุผลใด
ตอบ เครื่อง ENIAC ใช้สำหรับช่วยคำนวณวิถีกระสุนของปืนใหญ่
6. john von neumann มีบทบาทอย่างไรเกี่ยวกับประวัติของคอมพิวเตอร์
ตอบ เป็นผู้เสนอแนวคิดแลยเผยแพร่ให้มีการพัฒนาเครื่องสามารถเก็บข้อมูลและชุดคำสั่งไว้ภายในได้เองโดยไม่ต้องมาคอยป้อนข้อมูลเข้าไปใหม่ทุกครั้งมันจะทำให้เสียเวลาในการทำงานอย่างมาก
7. เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่ใช้ในเชิงธุรกิจคือเครื่องใด และนำมาใช้กับงานใด
ตอบ เครื่อง UNIVAC ใช้สำหรับทำนายผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนที่ 34 ของสหรัฐอเมริกา
8. ทรานซิสเตอร์กับแผงวงจรรวม เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
ตอบ แตกต่างกัน ทรานซิสเตอร์ มีขนาดเล็กใช้กระแสไฟน้อย
แผงวงจรรวม เป็นแผงวงจรที่ประกอบไปด้วยทรานซิสเตอร์นับพันตัวรวมกัน ช่วยลดต้นทุน การ ผลิต
9. E- Government คืออะไร จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่างประกอบ
ตอบ การรริเริ่มโครงการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์เช่น โครงการจักทำบัตรประชาชนอเนกประสงค์หรือสมาร์ทการ์ด
10. สายการบินต้นทุนต่ำ (low cost airline) คืออะไร และมีการลดต้นทุนโดยนำเอาคอมพิวเตอร์มาช่วยได้อย่างไรบ้าง จงอธิบายประกอบ
ตอบ เป็นการลดต้นทุนในเรื่องการให้บริการและสำรองที่นั่งโดยใช้แรงงานคน
วิธีลดต้นทุน พัฒนาระบบสำรองที่นั่ง โดยให้ลูกค้าสามารถทำการจองได้ด้วยตัวเองผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
11. ลักษณะเด่นของสื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอนหรือ CAI คืออะไร แตกต่างอย่างไรกับสื่อการสอนในอดีต
ตอบ CAI เป็นสื่อที่อยู่ในรูปของมัลติมีเดียที่ประกอบด้วยรูปภาย เพลง เสียงพูด แต่ในอดีต จะใช้สื่อสารสอนแบบธรรมดาใช้เขียนบนกระดาษ และไม่มีลูกเล่นที่น่าสนใจเหมือนสื่อการสอนแบบ CAI
12. รูปแบบของ E-Bagking สามารถทำได้โดยผ่านช่องทางอะไรบ้าง จงอธิบายพร้อมพร้อมยกตัวอย่างประกอบ
ตอบ ในเรื่องการบริการที่ต้องมีทั้งความรวดเร็วและสะดวกสบาย ที่เรียกว่า ธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกรรมผ่าน ตู้ATM หรือ ผ่านเครือเว็บไซต์ของธนาคารรวมถึงการทำธุรกรรม โดยผ่าน โทรศัพท์มือถือ ทั้งช่องทาง การฝาก-ถอน หรือ การชำระค่าบริการสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ
13. คอมพิวเตอร์มือถือ Handheid Computer) นำไปใช้ประโยชน์ในด้านใด และมีความแตกต่างกับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ อย่างไรบ้างจงอธิบาย
ตอบ ประโยชน์ จัดการข้อมูลประจำวัน การฟังเพลง การดูหนัง การสร้างปฎิทิน
ความแตกต่าง เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็ก พกพาไปไหนมาไหนก็สะดวก
14. แท็บเล็ตพีซี (Tablet PC ) มีหลักการทำงานอย่างไรบ้าง จงอธิบายมาพอเข้าใจ
ตอบผู้ใช้สามารถป้อนข้อมูลเข้าไปได้โดยการเขียนบนจอภาพเหมือนกับการเขียนข้อความลงในสมุดโน๊ตและเครื่องสามารถพลิกหน้าจอได้ 2 แบบ
15. PDA Phone คืออะไร จงอธิบายมาพอเข้าใจ
ตอบ คือ คอมพิวเตอร์ขนาดเล็กพกพาแบบใส่กรเป๋า เพื่อการใช้งานสำหรับธุรกิจหรืออรรถประโยช์
16. ภาษาธรรมชาติ (naturai ianguage) คืออะไร นำไปใช้ประโยชน์ในด้านใดบ้าง
ตอบ เป็นการนำเอาความสามารถของเครื่องคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการสื่อสารกับมนุษย์ให้สะดวกขึ้น นำไปใช้ในการรับรู้และจดจำเสียงของมนุษย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น